เมนู

[630] ดูก่อนนายคามณี บรรพชิตไม่ควรเสพส่วนสุด 2 อย่างนี้
คือ 1. การประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย อันเป็น
ธรรมเลวทราม เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่เป็นของพระ-
อริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ 2. การประกอบตนให้เหน็ดเหนื่อย
ลำบากเปล่า ซึ่งเป็นทุกข์ ไม่ใช่เป็นของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วย
ประโยชน์ ดูก่อนนายคามณี ข้อปฏิบัติสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุด
2 อย่างนั้น อันพระตถาคตตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว กระทำให้เกิดจักษุ
กระทำให้เกิดญาณ ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อ
ตรัสรู้ยิ่ง เพื่อนิพพาน ดูก่อนนายคามณี ก็ข้อปฏิบัติสายกลาง อันพระ-
ตถาคตตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว กระทำให้เกิดจักษุ กระทำให้เกิดญาณ
ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น
เป็นไฉน คืออริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 นี้แล คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาสมาธิ ดูก่อนนายคามณี ข้อปฏิบัติสายกลางนี้แล อันตถาคตตรัสรู้
ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว การทำให้เกิดจักษุ กระทำให้เกิดญาณ ย่อมเป็นไป
เพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน.

ว่าด้วยบุคคลผู้บริโภคกาม 3 จำพวก



[631] ดูก่อนนายคามณี บุคคลผู้บริโภคกาม 3 จำพวกนี้ มี
ปรากฏอยู่ในโลก 3 จำพวกเป็นไฉน คือ บุคคลบริโภคกามบางคนในโลกนี้
แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยความผลุนผลัน ครั้นแล้วไม่
เลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย ไม่จำแนกทาน ไม่ทำบุญ 1 ก็บุคคลผู้บริโภคกาม

บางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยความผลุนผลัน
ครั้นแล้วเลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย แต่ไม่จำแนกทาน ไม่ทำบุญ 1 บุคคล
ผู้บริโภคกามบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดย
ความผลุนผลัน ครั้นแล้วเลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย จำแนกทาน ทำบุญ 1.
[632] ดูก่อนนายคามณี บุคคลผู้บริโภคกามบางคนในโลกนี้
แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม และไม่ชอบธรรม โดยความผลุนผลัน
บ้าง โดยความไม่ผลุนผลันบ้าง ครั้นแล้วไม่เลี้ยงตัวให้สุขสบาย ไม่จำแนก
ทาน ไม่ทำบุญ บุคคลผู้บริโภคกามบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์
โดยชอบธรรมและไม่ชอบธรรม โดยความผลุนผลันบ้าง โดยความไม่
ผลุนผลันบ้าง ครั้นแล้วเลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย แต่ไม่จำแนกทาน ไม่
ทำบุญ บุคคลผู้บริโภคกามบางคนโนโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบ
ธรรมและไม่ชอบธรรม โดยความผลุนผลันบ้าง โดยความไม่ผลุนผลันบ้าง
ครั้นแล้วเลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย จำแนกทาน ทำบุญ.
[633] ดูก่อนนายคามณี อนึ่ง บุคคลผู้บริโภคกามบางคนใน
โลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยไม่ผลุนผลัน ครั้นแล้วไม่
เลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย ไม่จำแนกทาน ไม่ทำบุญ ก็บุคคลผู้บริโภคกาม
บางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยไม่ผลุนผลัน
ครั้นแล้วเลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย แต่ไม่จำแนกทาน ไม่ทำบุญ ก็บุคคล
ผู้บริโภคกามบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยไม่
ผลุนผลัน ครั้นแล้วเลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย จำแนกทาน ทำบุญ แต่ยัง

เป็นคนละโมภ หลงพัวพัน ไม่เห็นโทษ ไม่มีปัญญาเครื่องสลัดออก
บริโภคทรัพย์นั้นอยู่ ดูก่อนนายคามณี อนึ่ง บุคคลผู้บริโภคกามบางคน
ในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยไม่ผลุนผลัน ครั้นแล้ว
เลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย จำแนกทาน ทำบุญ และไม่ละโมภ ไม่หลง
ไม่พัวพัน มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเครื่องสลัดออก บริโภคทรัพย์นั้นอยู่

ว่าด้วยผู้บริโภคกามพึงถูกติเตียนและสรรเสริญ



[634] ดูก่อนนายคามณี ในบุคคลผู้บริโภคกาม 3 จำพวกนั้น
ผู้บริโภคกามที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยความผลุนผลัน
ครั้นแล้วไม่เลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย ไม่จำแนกทาน ไม่ทำบุญ นี้ พึงถูก
ติเตียนโดย 3 สถาน. พึงถูกติเตียนโดย 3 สถานเป็นไฉน คือ สถานที่ 1
พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยความ
ผลุนผลัน สถานที่ 2 พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ไม่เลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย
สถานที่ 3 พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ไม่จำแนกทาน ไม่ทำบุญ ดูก่อนนายคามณี
บุคคลผู้บริโภคกามเช่นนี้ พึงถูกติเตียนโดย 3 สถานเหล่านั้น
[635] ดูก่อนนายคามณี ในบุคคลผู้บริโภคกาม 3 จำพวกนั้น
ผู้บริโภคกามที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยความผลุนผลัน
ครั้นแล้วเลี้ยงตัวให้เป็นสุขสบาย แต่ไม่จำแนกทาน ไม่ทำบุญนี้ พึงถูก
ติเตียนโดย 2 สถาน ควรสรรเสริญโดยสถานเดียว พึงถูกติเตียนโดย
2 สถานเป็นไฉน คือ สถานที่ 1 พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า แสวงหาโภคทรัพย์
โดยไม่ชอบธรรม โดยความผลุนผลัน สถานที่ 2 พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า